Sunday, 26 March 2023

เวทีประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค เร่งสรุป FTA-Bangkok Goals เสนอผู้นำ

ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส เอเปค รีบสรุปเอกสาร Bangkok Goals-เขตการค้าเสรีเอเปค เสนอเวทีผู้นำ 18-19 พ.ย.นี้
นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พูดว่า ที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 1
ได้เริ่มปรึกษาหารือเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก
หรือ FTAAP ซึ่งหวังให้เป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลก
นับเป็นกลไกสำคัญที่จะกำจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ และหนุนการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในหมู่สมาชิก

ในการประชุมในคราวนี้เป็นการตระเตรียมเสนอต่อเวทีระดับรัฐมนตรี เอเปค

ในวันที่ 17 พ.ย.2565 ซึ่งจะมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานร่วมกัน

ทั้งนี้ เมื่อได้บทสรุปจากเวทีที่ประชุมรัฐมนตรีเอเปคก็จะเสนอต่อเวทีผู้นำเอเปคในวันที่ 18-19 พ.ย.2565
ซึ่งทำให้การสัมมนาระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสจำเป็นต้องปรึกษาหารือรายละเอียด เพื่อนำไปสู่การเจรจาการลดภาษีระหว่างกลุ่มเอเปคเป็นรายสินค้าได้มากขึ้น จึงหวังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตหลายมิติ
เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว

เอเปค ประชุม

รายงานข่าวระบุว่าในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี เอเปค

ได้มีการติดต่อประสานงานกันเป็นการภายในของสมาชิกเอเปค เพื่อขอปรึกษาหารือแบบทวิภาคี
โดยเบื้องต้นในวันที่ 16 พ.ย.2565 เวลา 17.30 น.นายจุรินทร์ จะปรึกษาหารือทวิภาคีกับนายนิชิมุระ ยาสึโทชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับความร่วมแรงร่วมใจทางการค้าและการลงทุน

และในวันเดียวกันนายนิชิมุระ ยาสึโทชิ จะปรึกษาหารือกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับความร่วมแรงร่วมใจการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมไทย

ยิ่งกว่านั้น ในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2565 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการประชุมสัปดาห์เอเปค ได้ปรึกษาหารือความกระจ่างของการผลักดันและส่งเสริม
ร่างวัตถุประสงค์กรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bangkok Goals on BCG

และมีการปรึกษาหารือร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค
ครั้งที่ 33 ร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ส่วนเวลาบ่ายจะเป็นการประชุมปรึกษาหารือต่อเนื่อง
เน้นการปรึกษาขอคำแนะนำแผนเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อรีบสรุปผลเพื่อเสนอต่อผู้นำเอเปค

ทั้งนี้ เมืองไทยในฐานะเจ้าภาพจะเสนอให้ที่ประชุมเห็นชอบออกเป็นถ้อยแถลง
ซึ่งจะกำหนดวัตถุประสงค์การทำงานของเอเปค สำหรับแผนงาน FTAAP เป็นแผนระยะ 4 ปี คือ ระหว่างปี 2566-2569 มี การรวบรวมใจความสำคัญที่สมาชิกเอเปคให้ความสนใจร่วมกัน อีกทั้งด้านการค้าดั้งเดิม กิจการค้าใหม่ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังจากการเกิดวิกฤต ผ่านกลไกการแลกเปลี่ยนข้อมูล และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างสมาชิกเอเปค เพื่อเตรียมตัวต่อการจัดทำ FTAAP และมุ่งสู่วัตถุประสงค์คำตอบสำคัญของ FTAAP อาทิ
การขยายกิจการค้าการลงทุนภายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก การลดอุปสรรคการค้าการลงทุนที่ไม่มีความสำคัญ
การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสมาชิกเอเปค และการลดช่องว่างการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจกิจการค้าระหว่างกัน

ทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่การจัดทำ FTAAP ซึ่งสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก อีกทั้งทางการค้า การลงทุน นวัตกรรม
การเข้าสู่สมัยดิจิทัล และการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่มีความเข้มแข็ง สมดุล จีรังยั่งยืน และครอบคลุม

เอเปค 2565 (APEC) กับการผลักดันและส่งเสริมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) มาเป็นแนวคิดหลักเพื่อขับเคลื่อนประเด็นที่จะสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพการประชุม
เอเปค 2565 และเวทีการประชุมคราวนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ช่วยสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

การเป็นเจ้าภาพจัดแจงประชุมเอเปคของไทย ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ย.2565
ภายใต้ประเด็นหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” เพื่อเปิดกว้างสู่ทุกจังหวะทางการค้าและการลงทุน การส่งเสริมการรวมตัวทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่านมุมมองใหม่ที่ได้ทำความเข้าใจจากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อสร้างจังหวะทางด้านเศรษฐกิจให้แก่ทุกภาคส่วนในสังคม
เชื่อมโยงในทุกมิติเพื่อฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกันที่สะดวกและปลอดภัย และเพิ่มความเชื่อมโยงทางดิจิทัล
และส่งเสริมการเจริญเติบโตที่เน้นสร้างสมดุลในทุกด้านมากกว่าสร้างผลกำไร ผ่านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
การสร้างความมั่นคงและยั่งยืนทางอาหารและการเกษตรเพื่อการดำรงชีวิตที่ดีของประชาชน

ไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model หรือ BCG) มาเป็นแนวคิดหลักเพื่อขับเคลื่อนใจความสำคัญที่จะผลักดันการเป็นเจ้าภาพการประชุม เอเปคในคราวนี้

หนึ่งในหัวข้อสำคัญ ที่กับเทรนด์ที่อนาคตอย่าง Keep The World ที่จะหยิบยกมาหารือ ในที่ประชุม APEC คือ หัวข้อการเปลี่ยนแปลงลักษณะของอากาศ ซึ่งนายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ APEC VISION
เกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่จะเอามาพูดคุยเวที APEC ในการประชุม APEC

เอเปค เร่งสรุป

คือ ใจความสำคัญที่เรียกว่า Bangkok Goal On BCG Economy

เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนในการประชุมคราวนี้ 4 วัตถุประสงค์

1.การจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะผลักดันความเป็นกลางทางคาร์บอนของกลุ่มเอเปค

2.การค้าการลงทุน ที่จะส่งเสริมการลงทุนภาคสีเขียวในกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปค

3.การจัดทรัพยากรที่ยั่งยืน และ รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งภาคประมง

4.การลดขยะ

นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดแจงก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ระบุว่า อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีปฏิญญา ออกมา เช่น
การช่วยสนับสนุนด้านเงินทุน เพื่อกำเนิด Action ด้านการถ่ายโอนเงินทุน เทคโนโลยี และ Capacity building ระหว่างกัน โดยคิดว่า

การมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนเป็นประเด็นที่สำคัญ การมีส่วนร่วมระหว่างรัฐและเอกชนอย่างสมดุล การออกแผนการที่สอดรับกันเพื่อรองรับการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนร่วมกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม

ในกลุ่มประเทศเอเปค มีการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 60% ของโลก และมี 7 ประเทศ ที่เป็น Top10 ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก
ราว ๆ 28,000 ล้านตันต่อปี ประเทศในกลุ่มนี้ จึงเป็นตัวนำสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยเหตุว่าถ้าหากปล่อยไว้ต่อไป ย่อมเป็นผลเสียผลต่อภาพรวมของประเทศและของโลก
ในหัวข้อสภาพแวดล้อมยิ่งกว่านั้นยังได้ยกตัวอย่าง มาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการประชุมระดับโลกอาทิ

– ไม่ใช้กระดาษ
– วัสดุเป็นรีไซเคิลหมด หลีกเลี่ยงวัสดุที่เป็นซิงเกิล ยูส
– การขนส่งทั้งหมด ใช้รถ EV เหมือนในการประชุม COP26 ที่กลาสโกลว์ สก๊อตแลนด์
– ใช้ไฟเป็น LED ถ้าไม่เดินไปไฟจะปิดอัตโนมัติ
– ควบคุมอุณหภูมิ
– เรื่องขยะจากอาหาร บริโภคแบบไม่ให้เหลือ
– วัสดุต่างๆ ใช้กรอบเดียวกับ การประชุม Cop 26 ที่สกอตแลนด์ และ Cop 27 ที่อียิปต์
– การเดินทางเน้นที่จำเป็นจริงๆ พยายามให้การเดินทางอยู่ที่เดียวกันให้มากที่สุด
– ผู้จัดจะต้องไปซื้อคาร์บอนเครดิต ที่ปลดปล่อยไปจากการประชุม ที่ผ่านมาการจัดประชุมเอเปคป่าไม้ มีการปล่อยคาร์บอนฯ ไป 101 ตัน ไทยจึงต้องไปซื้อคาร์บอนเครดิตมาจากโครงการของ energy agency ด้วยราคาที่สูงพอสมควร

และ ในการประชุม Thailand climate action conference ที่ผ่านมา ก็ปล่อยคาร์บอนฯ ไป 180 ตัน ในการจัดงาน 2 วัน จึงต้องไปซื้อคาร์บอนเครดิตจากเทศบาลยโสธร ที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง จึงซื้อในราคาเกินร้อย

และใน Twitter อย่างเป็นทางการของ การประชุม เอเปค2565 ระบุว่า โครงการ Care the Bear สำหรับวันแรกของการประชุมเอเปค 2565 ในวันแรกของการประชุมศูนย์สื่อมวลชน สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอน CO2 ได้ถึง 7,482 กิโลกรัมของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบกับการปลูกต้นไม้ 831ต้น เลยทีเดียว